ทำหมันสัตว์เลี้ยง: ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้ยาคุมสุนัขและแมว
- สพ.ญ.ศดานันท์ จิตรพีระ
- 23 พ.ย.
- ยาว 1 นาที

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า "ยาคุมกำเนิด" เป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดสำหรับการคุมกำเนิดสัตว์เลี้ยง แต่รู้หรือไม่ว่า การใช้ยาคุมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจแลกมาด้วยความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงอย่าง "มดลูกอักเสบ" หรือ "เนื้องอกเต้านม" ซึ่งอาจรุนแรงถึงชีวิตได้! PETMED+ จึงขอเป็นกระบอกเสียงยืนยันว่า "การทำหมัน" คือทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุด บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกความจริงเกี่ยวกับอันตรายของยาคุม เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียกับการทำหมันแบบชัดๆ และคำแนะนำจากสัตวแพทย์ในการดูแลสุนัขและแมวให้มีสุขภาพดีในระยะยาวค่ะ
สารบัญ (Table of Contents)
ทำไม PETMED+ ไม่จำหน่ายยาคุมสุนัขและแมว
ลูกค้าหลายท่านได้สอบถามเข้ามากับทางร้านเกี่ยวกับ “ยาคุมสำหรับสุนัขและแมว” แต่ทาง PETMED+ ต้องขอเรียนแจ้งว่า
❌ “ทางเราไม่มีการจำหน่ายยาคุมทุกประเภท” เพราะยาคุมกำเนิดในสัตว์เลี้ยงมี ผลข้างเคียงร้ายแรง ต่อสุขภาพของน้องหมาและน้องแมว ทั้งระยะสั้นและระยะยาว หากใช้โดยไม่ระมัดระวัง หรือขาดความรู้พื้นฐานทั้งในด้านวงรอบการเป็นสัดของสุนัขและแมว รวมถึงข้อบ่งชี้ในการใช้ของยาคุมชนิดต่างๆ ซึ่งยาคุมทุกชนิดจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสืบพันธุ์เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้***
ยาคุมกำเนิดในสัตว์เลี้ยงคืออะไร และมีอันตรายอย่างไร
ยาคุมกำเนิดในสุนัขและแมว คือยาในกลุ่มฮอร์โมนสังเคราะห์มีวัตถุประสงค์ในการใช้เพื่อ
1. ยุติการตั้งครรภ์ เช่น กรณีที่มีการผสมเลือดชิด มีการตรวจพบว่าลูกสัตว์ในท้องพิการแต่กำเนิด หรือพบความผิดปกติที่อาจทำให้แม่สัตว์เป็นอันตราย
2. ยับยั้งหรือเลื่อนการตกไข่ออกไป เพื่อเลี่ยงการผสมที่ไม่ต้องการ ด้วยสาเหตุจำเป็น ที่เจ้าของยังไม่สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปทำหมันได้ เช่น อยู่ระหว่างการรักษาโรคอื่นๆอยู่ เป็นต้น
3. แก้ไขภาวะการปัสสาวะกระปริดกระปรอยหลังทำหมัน ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการรักษาอื่นๆ ที่ดีกว่า และปลอดภัยมากกว่า
4. ใช้เหนี่ยวนำการคลอดในแม่สุนัข
5. ใช้ในการรักษาภาวะมดลูกอักเสบเป็นหนอง (Pyometra) กรณีสุขภาพร่างกายสุนัขยังไม่พร้อมสำหรับการวางยาเพื่อผ่าตัดนำมดลูกออก
6. แก้ไขภาวะรกเคลื่อนตัวไม่เต็มที่ในสุนัข (Subinvolution of placental sites ; SIPs) ซึ่งเป็นภาวะที่มดลูกหลังคลอดไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตามปกติ
7. ใช้ในการควบคุมพฤติกรรมสัตว์ เช่น การถ่ายปัสสาวะไม่เป็นที่ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว ลดความกำหนัดในสุนัขเพศผู้ (Libido) เป็นต้น ทั้งนี้ควรใช้ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์
⚠️ อันตรายจากการใช้ยาคุมกำเนิดในสัตว์เลี้ยง:
ยาคุมกำเนิดมีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกับการทำงานของฮอร์โมนเพศในร่างกายสัตว์ นั่นหมายความว่า การฉีดยาคุมให้สัตว์ คือการเพิ่มฮอร์โมนเพศชนิดใดชนิดหนึ่งเข้าไปสู่ร่างกายสัตว์ หากใช้โดยไม่ระมัดระวังอาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงได้หลากหลายระบบ หลายอวัยวะในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น
เสี่ยงต่อ ภาวะมดลูกอักเสบเป็นหนอง (Pyometra) รวมทั้งเสี่ยงต่อภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติร่วมกับมีลักษณะเป็นซีสต์หรือถุงน้ำ (Cystic endometril hyperplasia)
ทำให้เกิดภาวะ ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลให้ขนร่วง รวมทั้งทำให้เกิดปัญหาการสะสมของไขมันในผิวหนังที่มากเกินไป (Cutaneous xanthomatosis)
เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด เนื้องอกเต้านมและมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก
เหนี่ยวนำให้เกิดการแท้ง หรือการคลอดก่อนกำหนด
ส่งผลกดการทำงานของ ต่อมหมวกไต, ระบบต่อมไร้ท่อ เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
ตาบอด จากระดับไขมันสะสมในเลือดสูง (Lipemia)
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น คุณภาพน้ำเชื้อลดลง ภาวะเม็ดเลือดแดงจาง ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ รวมทั้งโรคเบาหวาน ภาวะการกดไขกระดูก
🩺 สัตวแพทย์ยืนยันว่า “ยาคุม” ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกเพศทุกวัย
การทำหมันสัตว์เลี้ยงคืออะไร
การทำหมัน (Spay & Neuter) คือการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยการผ่าตัดเอาอวัยวะสืบพันธุ์บางส่วนออก เพื่อหยุดการผลิตฮอร์โมนทางเพศ
เพศ | วิธีการทำหมัน | |
เพศผู้ (สุนัข/แมวตัวผู้) | ผ่าตัดนำอัณฑะออกทั้ง 2 ข้าง | |
เพศเมีย (สุนัข/แมวตัวเมีย) | ผ่าตัดนำรังไข่ทั้ง 2 ข้าง และมดลูกออก |
ความแตกต่างระหว่างยาคุมกับการทำหมัน
ประเด็น | ยาคุมกำเนิด | การทำหมัน |
ความปลอดภัย | เสี่ยงต่อโรคมดลูกอักเสบและมะเร็ง | ปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยสัตวแพทย์ |
ระยะเวลาออกฤทธิ์ | ชั่วคราว ต้องฉีดซ้ำ (เฉพาะเคสที่สัตวแพทย์เห็นสมควรเท่านั้น) | ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ |
ผลข้างเคียง | ส่งผลต่อระบบการทำงานของฮอร์โมนและระบบอื่นๆในร่างกาย | ไม่มีผลข้างเคียงระยะยาว แต่ต้องมีการดูแลแผลหลังผ่าตัดทำหมัน |
ผลต่อสุขภาพ | อาจทำให้อ้วนและฮอร์โมนแปรปรวน | ช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวและป้องกันโรค |
ค่าใช้จ่ายระยะยาว | ต้องจ่ายซ้ำทุกเดือน | ทำครั้งเดียวจบ เสียค่าใช้จ่ายครั้งเดียว |
ข้อควรปฏิบัติก่อนทำ | ตรวจร่างกาย อายุ ประวัติ ต้องมีการเช็คระยะวงรอบการเป็นสัด ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ-งดอาหารก่อนฉีด | ตรวจร่างกาย ตรวจเลือดและอื่นๆตามความเห็นของสัตวแพทย์ รวมทั้งมีการงดน้ำ-งดอาหารก่อนทำการผ่าตัดทำหมัน สัตว์เลี้ยงควรทำวัคซีนครบ |
ควรทำหมันช่วงอายุเท่าไหร่ถึงดีที่สุด
แนะนำเริ่มทำหมันตั้งแต่อายุประมาณ 6–7 เดือนขึ้นไป หรือหลังจากได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว และสัตวแพทย์ตรวจประเมินร่างกายดูแล้วเห็นสมควรที่จะทำหมัน ในกรณีสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรง อาจสามารถทำหมันได้เร็วกว่านั้น
💡 การทำหมันตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมในตัวเมียได้มากกว่า 90%
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนและหลังทำหมัน
🔹 ก่อนการทำหมัน
ตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจค่าเลือดต่างๆ หรืออาจมีการตรวจหัวใจ และแลปอื่นๆ
งดน้ำและอาหารตามระยะเวลาที่กำหนด (6–8 ชั่วโมง หรืออาจน้อยกว่านั้นตามความเห็นของสัตวแพทย์)
แจ้งโรคประจำตัวหรือยาที่น้องกินประจำ
🔹 หลังการทำหมัน
ใส่ปลอกคอกันเลีย หรือเสื้อกันเลียเพื่อป้องกันแผลผ่าตัด
ป้อนยาตามเวลาที่สัตวแพทย์กำหนด
กักบริเวณ ไม่ให้สัตว์เคลื่อนไหวมากจนเกินไปและอาจทำให้บริเวณแผลที่เย็บแตก
สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ซึม บวม หรือมีเลือดซึมจากแผล
กลับไปตัดไหมภายใน 7–10 วัน หรือตามที่สัตวแพทย์นัดหมาย
สรุป: การทำหมันคือการป้องกันโรคที่ดีที่สุดสำหรับน้อง ๆ
การทำหมันตัดเป็นการดูแลสุขภาพสัตว์ในระยะยาวที่ปลอดภัยและยั่งยืนในสัตว์ เพราะไม่เพียงช่วยคุมกำเนิดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันโรค และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ
❤️ “การทำหมันไม่ใช่การพรากความเป็นธรรมชาติของสุนัขและแมวของท่าน แต่คือการป้องกันไม่ให้น้องๆต้องเจ็บป่วยในอนาคต”
หากคุณกำลังมองหาอาหาร ยา หรือผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ Petmed+ พร้อมให้คำแนะนำและบริการด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดี แวะมาหาเราได้ที่ Petmed+ ทุกสาขา หรือสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ที่ไลน์ @petmed เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจได้ในคุณภาพ 🐾




ความคิดเห็น